แนะวิธีจัดการความเครียดแบบอยู่หมัด
* คุณภาพชีวิต
หัวเราะ 1 นาที เท่ากับได้พักผ่อน 45 นาที
วิธีจัดการกับความเครียด มีหลายวิธีให้เลือกในส่วนของการฝึกปฏิบัติมีให้ท่านเลือก 2 วิธี การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ และการฝึกการหายใจ ไม่จำเป็นต้องฝึกทั้ง 2 วิธี ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งสำหรับการปฏิบัติตัว เมื่อมีความเครียดเริ่มได้ตั้งแต่ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่อยากทำ เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ วาดรูป ฟังเพลง ฯลฯ
การฟังดนตรีคลายเครียด เมื่อฟังดนตรีจิตใจจะสบายและพึงพอใจการฟังดนตรีเพื่อคลายเครียดควรเลือกเพลง ที่ชอบและควรเป็นเพลงที่มีจังหวะช้าๆ เสียงกลางถึงต่ำ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความดันโลหิต และลดความตึงเครียดของจิตใจ
การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพื่อคลายเครียด ควรเลือกกีฬาที่ชอบและถนัด ควรเป็นกีฬาที่ต้องออกแรงเต็มที่ เช่น วิ่งเร็ว ยกน้ำหนัก วิดพื้น ตีแบดมินตัน เทนนิส ฟุตบอล ฯลฯ การเล่นกีฬา ถ้าจะเล่นเพื่อคลายเครียดจริงๆ ควรใช้เวลาในการเล่นประมาณ 1/2-1 ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดของกีฬา สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดในการเล่นกีฬาอาจใช้กายบริหาร เช่น โยคะ หรือมวยจีน แทนก็ได้ เพราะการฝึกโยคะ และมวยจีนทำให้จิตใจมีสมาธิ ลดความฟุ้งซ่าน ของจิตใจลงได้
การพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อมีความเครียด ร่างกายและจิตใจจะถูกกระตุ้นมากจนทำให้นอนไม่หลับ หลับยากหรือหลับๆ ตื่นๆ ถ้านอนไม่หลับ ลองปฏิบัติ ดังนี้
ฝึกเข้านอนให้เป็นเวลา เพราะความเคยชินจะทำให้สมองเฉื่อยชา เมื่อได้เวลาหลับ
- หาหนังสืออ่านก่อนนอน ฟังเพลงเบาๆ ที่ไพเราะ หรือฟังเทปธรรมะ
- บางคนเล่นกีฬาตอนเย็น ทำให้นอนหลับง่าย บางคนเล่นกีฬาตอนเย็นเป็นประจำทำให้นอนหลับยากเพราะร่างกายถูกกระตุ้นมาก เกินไป บางคนออกกำลังกายหรือวิ่งในตอนเช้าจะรู้สึกร่างกายตื่นตัวตลอดวัน เมื่อใกล้เวลานอนจะรู้สึกง่วงและหลับได้ง่ายขึ้น การออกกำลังกายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมแต่ละบุคคล
การจัดการกับอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ในที่นี้จะพูดถึงอารมณ์โกรธ และขี้อิจฉา เมื่อมีอารมณ์โกรธ ร่างกายจะเต็มไปด้วยความเครียด ความแค้น อัดแน่นในใจ ส่วนใหญ่ มักจะขาดความยังคิด ขณะมีอารมณ์โกรธให้รู้ตัวว่ากำลังโกรธ และไม่เปลี่ยนอารมณ์โกรธไปเป็นอารมณ์อื่น เช่น อารมณ์เกลียด ขณะมีอารมณ์โกรธให้นับ 1 - 10 หรือหายใจเข้าออกลึกๆ หลายครั้ง หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ถ้าคุณยังเผชิญหน้ากับคนที่คุณโกรธไม่ได้ ลองเขียนระบายในกระดาษปลดปล่อยความโกรธออกมาเขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียน พออารมณ์สงบ ฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและทิ้งไปเมื่ออารมณ์สงบแล้วจึงเผชิญหน้ากับ คนที่คุณโกรธ อารมณ์ขี้อิจฉา คนที่มีอารมณ์ขี้อิจฉา หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
มองในเชิงบวก มองในแง่ดี หลายๆ คนเมื่อประสบความล้มเหลวในชีวิตมักจะท้อแท้สิ้นหวัง และคิดลงโทษตัวเอง คิดว่าความผิดพลาดทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะตัวเอง ดูถูกตัวเองว่าด้อยคุณค่า ไร้ความสามารถ เศร้าหมอง และหมดกำลังไปตลอดชีวิต...
แต่บางคน...แม้จะพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังมุ่งมั่น บากบั่นไม่ท้อถอย ฝ่าฟันอุปสรรคจนประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะมีกำลังใจ ที่จะทุ่มเทในการทำงานอย่างมาก ความคิดในแง่ดี มองอุปสรรคหรือความล้มเหลวว่าเป็นสิ่งท้าทาย เริ่มต้นจาก การมองตัวเองในแง่ดี มองอุปสรรคหรือความล้มเหลวว่าเป็นสิ่งท้าทาย เริ่มต้นจาก การมองตัวเองในแง่ดี มองว่าตัวเองมีความสามารถอะไรบ้าง เช่น อาจจะทำงานเก่งแต่พูดไม่เก่งก็ควรภาคภูมิในจุดนี้ มองตัวเองในแง่ดี แล้วควรมองผู้คนและเหตุการณ์รอบข้างในแง่ดีด้วย จะทำให้มีความคิดดี อารมณ์แจ่มใส มีสติที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ในชีวิตคนเรามักจะพบกับความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงที่ดีจะทำให้จิตใจเป็นสุข ถ้าเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้ามมักจะยอมรับไม่ได้ ทำให้จิตใจไม่เป็นสุข ถ้าเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้ามมักจะยอมรับไม่ได้ ทำให้จิตใจไม่เป็นสุข ลองคิดว่าการเปลี่ยนแปแลงต่างๆ มักจะมีเหตุผลในการเปลี่ยนแปแลงเสมอ เช่น อยากรวยก็ต้องขยันทำงาน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ขอให้มองหาเหตุผลว่าเกิดจากอะไร ถ้าหากท่านทุ่มเทกับงานอย่างมาก แต่ไม่ได้รับผลดีเท่าที่คิดไว้ ก็คงต้องทำใจให้ยอมรับ และคิดหาเหตุผลที่จะแก้ไขต่อไป
หรือถ้าท่านอกหักขอให้มองที่เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรอาจจะเป็นที่เรา เองหรือคนรัก และคงต้องทำใจให้ยอมรับและปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น ในวันข้างหน้าเราอาจจะพบรักคนใหม่ที่เหมาะสมกว่า หรือถ้าไม่พบใครที่เหมาะสมและถูกใจ การอยู่เป็นโสดก็เป็นสุขอีกแบบหนึ่ง
หาคนปรับทุกข์ เมื่อมีความเครียดมักจะเก็บความสับสนและกังวลใจเอาไว้คนเดียวทำให้อึดอัดไม่ มีความสุขลองหาคนไว้ใจได้ อาจจะเป็นสามีภรรยาพ่อแม่หรือเพื่อนสนิท พูดระบายความคับข้องใจ ถ้าหากไม่ไว้ใจคนใกล้ชิดก็ลองใช้บริการจากสถานบริการของรัฐ ที่มีบริการสายด่วนสุขภาพจิตก็ได้
หัดเป็นคนมีอารมณ์ขัน ยิ้มหัวเราะ ชีวิตคนไม่จำเป็นต้องมีสาระตลอดไปหัดเป็นคนมีอารมณ์ขัน ยิ้มและหัวเราะบ้าง เพราะการหัวเราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมน "ความสุข" ออกมา นอกจากนั้นการหัวเราะทำให้เลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเร็วมากขึ้น ทำให้ร่างกายภายในอบอุ่น ออกซิเจนไปเลี้ยงทุกเซลล์ของร่างกาย ระบบต่างๆ ของร่างกายจะทำหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ สามารถต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บได้ กระตุ้นให้เจริญอาหาร หัวเราะ 1 นาที เท่ากับได้พักผ่อน 45 นาที
เรื่อง โดย : นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี หัวหน้าคลินิกเพื่อนวัยทีน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น